ยา PrEP (เพร็พ): เกราะป้องกันเอชไอวีก่อนสัมผัสเชื้อ คืออะไร ใครกินได้บ้าง?
ในยุคที่ความรู้ด้านสุขภาพเข้าถึงง่ายขึ้น ยา PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า ยา PrEP คืออะไร ใครบ้างที่ควรกิน PrEP และ วิธีการกิน PrEP ที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด
ยา PrEP คืออะไร?
ยา PrEP (เพร็พ) คือ ยาต้านไวรัสเอชไอวี (Antiretroviral Drug) ที่ใช้สำหรับ ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อเอชไอวีแต่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อ ยา PrEP ที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันมักเป็นยาเม็ดรวม 2 ชนิด คือ Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF) และ Emtricitabine (FTC)
เมื่อรับประทานยา PrEP อย่างสม่ำเสมอ ยาจะไปสะสมอยู่ในเซลล์ที่เชื้อเอชไอวีใช้เป็นช่องทางในการเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เมื่อเกิดการสัมผัสเชื้อขึ้น ยาจะยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อเอชไอวี ไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
ประสิทธิภาพของยา PrEP: หากรับประทานยาอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ยา PrEP สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์ได้สูงถึง 90-99% และจากการฉีดยาเสพติดได้สูงกว่า 70%
ข้อควรทราบ: ยา PrEP ป้องกันได้เฉพาะเชื้อเอชไอวีเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือเริมได้ ดังนั้น การใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอจึงยังคงเป็นสิ่งจำเป็น
ใครบ้างที่สามารถกินยา PrEP ได้? (ผู้ที่มีข้อบ่งชี้ในการใช้ PrEP)
ยา PrEP เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อเอชไอวี แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง หรือในสถานการณ์ที่อาจเกิดการสัมผัสเชื้อ โดยผู้ที่จะใช้ยา PrEP จะต้องผ่านการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ก่อนแล้ว และจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
กลุ่มผู้ที่แนะนำให้พิจารณาใช้ยา PrEP ได้แก่:
- ผู้ที่มีคู่นอนเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV Positive) และ:
- คู่นอนยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส หรือเพิ่งเริ่มยาต้านไวรัสและยังตรวจพบปริมาณไวรัสในเลือดสูง
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน หรือมีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง และ:
- ไม่ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
- ใช้สารเสพติดแบบฉีด หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ
- กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) หรือสาวประเภทสอง (Transgender Women) ที่มีความเสี่ยงสูง
- ผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีด และใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ผู้ที่เคยรับประทานยา PEP (ยาป้องกันหลังการสัมผัสเชื้อ) มาก่อน และยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของเอชไอวีสูง และมีพฤติกรรมเสี่ยง
ใครบ้างที่ไม่ควรทานยา PrEP:
- ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีอยู่แล้ว (เนื่องจากจะทำให้เกิดภาวะดื้อยาได้)
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี
- ผู้ที่มีปัญหาการทำงานของไตหรือตับขั้นรุนแรง
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาส่วนประกอบของ PrEP (Tenofovir หรือ Emtricitabine)
สิ่งสำคัญ: การตัดสินใจใช้ยา PrEP ควรได้รับการปรึกษาและประเมินความเสี่ยงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่ายาเหมาะสมกับแต่ละบุคคล และได้รับการดูแลที่ถูกต้องตลอดระยะเวลาการใช้ยา
วิธีการกินยา PrEP: Daily PrEP vs. On-Demand PrEP
ยา PrEP มีวิธีการกินหลักๆ 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมความเสี่ยงและความเหมาะสมของผู้ใช้ โดยจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่ถูกต้อง
1. Daily PrEP (แบบรายวัน): กินทุกวัน วันละ 1 เม็ด
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง หรือมีเพศสัมพันธ์บ่อยและไม่สามารถคาดการณ์ช่วงเวลาได้
- วิธีการกิน: รับประทานยา 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ทุกวัน ในเวลาเดียวกัน
- ระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์ป้องกัน:
- การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก: ยาจะออกฤทธิ์ป้องกันได้เต็มที่หลังจากรับประทานยาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 7 วัน
- การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด/เลือด: ยาจะออกฤทธิ์ป้องกันได้เต็มที่หลังจากรับประทานยาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 21 วัน
- การหยุดยา: ควรปรึกษาแพทย์ การหยุดยาควรรับประทานต่อเนื่องไปอีก 7 วัน หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย หรือพฤติกรรมเสี่ยงครั้งสุดท้าย
2. On-Demand PrEP (แบบเฉพาะกิจ / 2-1-1): กินตามสถานการณ์
- เหมาะสำหรับ: ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และผู้หญิงข้ามเพศ ที่มีความเสี่ยงเป็นครั้งคราว หรือสามารถวางแผนการมีเพศสัมพันธ์ล่วงหน้าได้ (ไม่แนะนำสำหรับผู้หญิงซิสเจนเดอร์ และผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด เนื่องจากข้อมูลประสิทธิภาพยังไม่เพียงพอ)
- วิธีการกิน (หลักการ 2-1-1):
- 2 เม็ด: กินยา 2 เม็ด (Double Dose) ก่อนมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2-24 ชั่วโมง (ควรพยายามกินให้ได้ 2 ชั่วโมงก่อน)
- 1 เม็ด: กินยา 1 เม็ด หลังจากกินยา 2 เม็ดแรกไปแล้ว 24 ชั่วโมง
- 1 เม็ด: กินยา 1 เม็ด หลังจากกินยาเม็ดที่สามไปแล้ว 24 ชั่วโมง (รวมเป็น 4 เม็ดใน 3 วัน)
- กรณีมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องหลายวัน: หากยังคงมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องหลังจากกินยา 2 เม็ดแรกไปแล้ว ให้กินยาต่อไปวันละ 1 เม็ดทุก 24 ชั่วโมง จนกว่าจะไม่มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย จากนั้นให้กินยาต่อไปอีก 2 วัน (รวมทั้งหมดเป็น 48 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย)
- ประสิทธิภาพ: หากทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด จะสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ดี
ตารางสรุปวิธีการกินยา PrEP
ผลข้างเคียงของยา PrEP
ผลข้างเคียงของยา PrEP มักไม่รุนแรงและมักหายไปได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์แรกของการใช้ยา ได้แก่:
- คลื่นไส้, มวนท้อง, ท้องเสีย
- เวียนศีรษะ, ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย
ในบางรายอาจมีผลข้างเคียงในระยะยาวต่อไตได้บ้าง แต่เป็นกรณีที่พบน้อยมาก และแพทย์จะมีการตรวจเลือดติดตามการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอขณะใช้ยา
สิ่งสำคัญที่ต้องจำ:
- ปรึกษาแพทย์: ก่อนเริ่มใช้ยา PrEP ทุกครั้ง ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง ตรวจหาเชื้อเอชไอวี และตรวจสุขภาพอื่นๆ
- กินยาอย่างเคร่งครัด: เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ป้องกันได้เต็มที่
- ไปพบแพทย์ตามนัด: เพื่อติดตามผลการตรวจเลือด และรับคำแนะนำเพิ่มเติม
- ใช้ถุงยางอนามัยควบคู่: PrEP ป้องกันเอชไอวีได้ดี แต่ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
ยา PrEP คืออีกหนึ่งความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ช่วยให้เราสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่ให้บริการด้านนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก