แชร์บทความนี้

วิธีเลือกซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่

ถังพ่นยาแบตเตอรี่ นับว่าเป็นไอเท็มยอดฮิต สำหรับชาวไร่ชาวสวนยุคใหม่ เป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการพ่นยา ปุ๋ย ได้เป็นอย่างดี ทำให้การพ่นยา หรือพ่นปุ๋ย เป็นไปอย่างราบรื่น สม่ำเสมอ และไม่เปลืองแรงอีกด้วย วันนี้จะมาแนะนำวิธีเลือกซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ สำหรับใช้งานในไร่ในสวนกันครับ

ปัจจัยในการเลือกซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ 

  • ขนาดถังบรรจุ โดยปกติ ขนาดความจุของ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ จะมีตั้งแต่ 15 ลิตร ไปจนถึง 25 ลิตร ซึ่ง หลักๆ ก็ต้องดูว่า ถังพ่นยาแบตเตอรี่ นั้นจะนำไปให้ใครใช้ หากเป็นคนสูงอายุ ก็ไม่ควรซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ที่มีจำนวนลิตรมากนัก เพราะยิ่งความจุของ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ มากแล้ว น้ำหนักของ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ก็จะมากตามความจุไปด้วย ทำให้ผู้สูงอายุ ใช้งานได้อย่างลำบาก
  • วัสดุของ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ก็ควรเลือกชนิดที่ทนต่อการกัดกร่อน เพราะอย่าลืมว่าเราต้องใช้ถังนี้บรรจุสารเคมี ฉะนั้น ก็ต้องทนต่อการกัดกร่อนต่อสารเคมีด้วย เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • เลือกซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ที่สามารถเปลี่ยนชนิดของหัวฉีดได้หลากหลาย เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะสมต่อการใช้งาน
  • ขนาดของแขตเตอรี่ ก็ดูความจุให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพราะ ยิ่งแบตเตอรี่ มีความจุมากเท่าไร ราคาของ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
  • การชารจ์ เรื่องของการชาร์จ ก็ควรทำได้อย่างสะดวกสบาย ควรเลือกซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ที่สามารถเสียบสายชารจ์ได้เลย ไม่ต้องคอยแกะแบตเตอรี่ ออกมาทำการชาร์จด้านนอก ซึ่งทำให้เสียเวลา
  • ชนิดของแบตเตอรี่ ควรเลือกซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ที่ใช้ชนิดแบตเตอรี่ ที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป เพิ่อสะดวกในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพราะหากเลือกซื้อ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ที่ใช้แบตเตอรี่ แปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้านแล้ว อาจทำให้ท่านไม่สามารถหาซื้อแบตเตอรี่ มาเปลี่ยนให้กับ ถังพ่นยาแบตเตอรี่ ของท่านได้ แบตเตอรี่ ที่ควรเลือกใช้ก็เลือกชนิดเดียวกับที่ใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ ก็จะมีความสะดวกในการบำรุงรักษา หรือ หาซื้อมาเปลี่ยน เวลาที่แบตเตอรี่เสื่อมคุณภาพ โดยทั่วไปจะใช้แบตเตอรี่ ขนาดแรงดัน 12 V  7.5 Amp เป็นอย่างต่ำ

 


แชร์บทความนี้

Leave a Reply